วัดโชติการาม (Wat Chotikaram)
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
ตั้งอยู่ที่ตำบลบางไผ่ ไปทางที่ว่าการ อบต.บางไผ่ เดิมชื่อวัดสามจีน สร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2350 ซุ้มประตูหน้าต่างที่พระอุโบสถเป็นลวดลายปูนปั้นประดับเครื่องถ้วยลายครามและเบญจรงค์
ภายในมีพระประธานปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชี มีจิตรกรรมฝาผนังภายในตั้งแต่พื้นจรดเพดาน
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
ตั้งอยู่ที่บริเวณในซอยเฉลิมพระเกียรติ 15 เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดวรวิหารตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา รัชกาลที่ 3 สถาปัตยกรรมในวัดที่น่าสนใจได้แก่ พระอุโบสถ
เป็นศิลปะแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ 3 คือ ศิลปะที่ได้รับอิทธิพลจากจีนมาผสม หลังคามุงด้วยกระเบื้องรางดินเผาชนิดกาบกล้วยไม่เคลือบสี ถือปูนทับแนวทำเป็นลอนลูกฟูกแบบเก๋งจีน
หน้าบันประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีสลับลวดลายใบดอกพุดตาน
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช หน้าบันพระอุโบสถเป็นไม้สักสลักรูปนารายณ์ทรงครุฑสถาปัตยกรรม เป็นโบสถ์แบบมหาอุดไม่มีการเจาะฝาผนังเลย
ฐานพระอุโบสถเป็นแบบตกท้องช้างหรือท้องสำเภา
นอกจากนั้นยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเขียนขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลายโดยมีฝีมือของสกุลช่างชั้นสูงนนทบุรี
ซึ่งนับว่าเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เก่าแก่ที่สุดในขณะนี้ของจังหวัดวัดปราสาทถือว่าเป็นวัดหนึ่งที่ดำเนินการอนุรักษ์โบสถ์และศิลปกรรมได้อย่างถูกวิธี จึงทำให้เป็นแหล่งวิทยาการที่น่าสนใจยิ่งของทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ
การเดินทาง สามารถเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางสายบางใหญ่-ท่าน้ำนนท์
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
อยู่ที่ถนนพิบูลสงครามในเขตตำบลสวนใหญ่ ห่างจากตัวเมืองมาทางด้านใต้ประมาณ 2 กิโลเมตร ด้านหน้าของวัดติดริมฝั่งแม่น้ำภายในวัดมีพระมหาเจดีย์ สูง 30 เมตร ตั้งอยู่ด้านหลังโบสถ์
บรรจุพระบรมสารีริกธาตุพระประธานเป็นพระพุทธรูปหล่อเก่าแก่ ศิลปะสมัยอยุธยาอัญเชิญมาจากพระราชวังจันทร์เกษม ภายในวัดมีพระตำหนักแดงและพระที่นั่งมณเฑียรตั้ง
วัดชมภูเวก (Wat Chomphuwek)
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
ตั้งอยู่ในเขตตำบลท่าทราย ริมถนนสายสนามบินน้ำ-
นนทบุรี ชื่อวัดมาจากที่ตั้งที่อยู่บนเนินสูงมีความเงียบสงบจึงเรียกว่าวัดชมภูวิเวก
สร้างขึ้นประมาณปีพ.ศ. 2300 โดยชาวมอญในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเป็นผู้สร้าง ภายในวัดมีอาคารเสนาสนะต่างๆ พระอุโบสถสวยงาม สร้างเมื่อปีพ.ศ.2520
ลักษณะทรงไทยใต้ถุนสูง 2 ชั้น มีช่อฟ้าใบระกาหางหงส์หลังคาลด 3 ชั้น หน้าบัน ซุ้มประตู หน้าต่าง ปิดทองปิดกระจก ฝาผนังภายในอุโบสถ หลังเก่ามีภาพจิตรกรรมฝาผนังพุทธประวัติและทศชาติ
สำหรับปูชนียวัตถุมีพระประธานในอุโบสถสมัยสุโขทัยมีพระพุทธรูปยืน 2 องค์ นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีพระเจดีย์รามัญเรียกว่า "พระมุเตา"
สร้างโดยพระสงฆ์จากเมืองมอญเมื่อ พ.ศ.2460 สันนิษฐานว่า ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
วัดกู้ (Wat Ku)
สถานที่ตั้ง : อำเภอปากเกร็ด
ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลบางพูด สร้างในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีเป็นศิลปะแบบมอญ
ภายในโบสถ์หลังเก่ามีภาพจิตรกรรมฝาผนังแบบมอญ เป็นภาพเขียนสีน้ำมันเรื่องราวพุทธประวัติ
บริเวณริมน้ำหน้าวัดเป็นจุดที่เรือพระที่นั่งของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระมเหสีในรัชกาลที่ 5
ประสบอุบัติเหตุเรือล่มสิ้นพระชนม์
วิหารประดิษฐานพระนอนองค์ใหญ่ ด้านข้างวิหารเป็นที่เก็บเรือพระที่นั่งของพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ที่อับปาง
ซึ่งชาวบ้านได้กู้ขึ้นมาและมีพระตำหนักที่สร้างขึ้น
เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์สิ้นพระชนม์
และเมื่อคราวเรือล่มได้อัญเชิญพระศพมาไว้ที่วัดนี้ชั่วคราว มีศาลพระนางเรือล่ม
(พระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์) ซึ่งจำลองแบบจากศาลาจตุรมุขของพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ที่พระราชวัง บางปะอิน
สถานที่ตั้ง : อำเภอปากเกร็ด
เดิมชื่อ วัดปากอ่าว มีชื่อใน ภาษามอญว่าเภี่ยมุเกี๊ยะเติ้ง วัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย
ดังปรากฎพระเจดีย์มุเตาซึ่งเป็นเจดีย์ทรงมอญ ปัจจุบันอยู่ติดริมแม่น้ำกระแสน้ำกัดเซาะฐานรากทำให้เจดีย์มีลักษณะเอียง
พระอุโบสถมีการตกแต่งด้วยวัสดุนำเข้าจากประเทศอิตาลี
ศิลปะยุโรปแบบพระราชนิยมในสมัยรัชกาลที่ 5
เนื่องจากศิลปการสร้างมีลักษณะแบบมอญ
พระเจดีย์ทุกองค์สร้างแบบมอญและพระพุทธรูปพระประธานในโบสถ์สลักด้วยหินอ่อนแบบมอญด้วยจึงเรียกกันว่า "วัดมอญ"
ภายในวัดมีภาพจิตรกรรมฝาผนังและบานประตูหน้าต่างโบสถ์ประดับลายปูนปั้นสวยงาม
วัดสวนแก้ว (Wat Suan Kaeo)
สถานที่ตั้ง : อำเภอบางกรวย
เป็นสถานที่เผยแพร่ธรรมโดยพระพิศาลธรรมพาที พระพยอม กัลยาโณ เป็นพระนักพัฒนา
ท่านได้ริเริ่มโครงการต่างๆ ของมูลนิธิสวนแก้วเพื่อพัฒนาสังคม ความเป็นอยู่ของผู้ที่ยากจนและด้อยโอกาศอาทิ
โครงการซุปเปอร์มาเก็ตผู้ยากไร้ โครงการร่มโพธิ์แก้วเป็นสถานเลี้ยงดูคนชรา
และโครงการสวนแก้วซึ่งเป็นศูนย์รับเลี้ยงเด็กอ่อน
วัดอัมพวัน (Wat Amphawan)
สถานที่ตั้ง : อำเภอบางใหญ่
เป็นวัดสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลายประมาณรัชกาลพระเจ้าปราสาททองเดิมชื่อ
วัดบางม่วง สิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้คือหอไตรกลาง-น้ำ เป็นสถาปัตยกรรมไทยที่สมบูรณ์ที่สุด
เป็นเรือนไม้ตั้งอยู่ในสระน้ำขนาดเล็ก ตัวหอเป็น 2 ชั้น
ชั้นล่างโล่งไม่มีพื้นและฝาชั้นบนเป็นตัวหอขนาด 2 ห้อง ช่วงล่างเป็นลูกฟักกระดานดุน
ตอนบนเป็นซี่ลูกกรงไม้กลึงเสากรอบประตูเป็นเสาหัวเม็ด ประตูหูข้าง เครื่องลำยองเป็นไม้จำหลัก
หลังคาซ้อน 2 ชั้น มีปีกนก 1 ชั้น มุงกระเบื้องดินเผาใต้เชิงชายและหน้าบันประดับไม้สลักลายรดน้ำ
ฝาผนังด้านนอกทาสีลูกฟักด้วยสีแดง ขอบขาวตัวไม้เครื่องบันอื่นๆ ทาสีขาว ตัดเหลี่ยมสีแดง
เสาลงพื้นสีขาวเขียนลายแดง หน้าบาน
ประตูเข้าในหอไตรเป็นบานไม้ลงรักปิดทองลายพุ่มข้าว-บิณฑ์และประจำยามก้านแย่ง
อกเลาเป็นไม้จำหลักลายดอกพุดตานลูกฟัก เหนือประตูเป็นภาพนกข้างละตัว
เหนือขึ้นไปเป็นภาพพระอาทิตย์ พระจันทร์ ในห้องสะกัดท้ายหอไตรเป็นที่เก็บพานตะลุ่ม
และฐานพระพุทธรูปไม้จำหลักเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมีมณพปพระพุทธบาท
ภายในมีพระพุทธบาทจำลองทำด้วยโลหะประดิษฐานอยู่บนฐานปูนและศาลาที่งดงามมาก
ตำหนักประถม-นนทบุรี (The Prathom-Nonthaburi Palace)
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมืองตั้งอยู่เลขที่ 45/5 ซอยอัคนี (งามวงศ์วาน 2) เป็นตำหนักหนึ่งในวังเพชรบูรณ์ของสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก
กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย พระราชโอรสองค์ที่ 72 สร้างขึ้นใน พ.ศ.2462
ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและองค์ที่ 8 ของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
ตัวอาคารเป็นไม้สักใต้ถุนสูงผสมผสาน รูปแบบสถาปัตยกรรมโดเมสติกรีไววัล
ด้านหน้าหลังคาจั่ว ด้านข้างเป็นจั่วปาดมุมมุงกระเบื้องว่าว และมีอาคารหลังเล็กรูปแบบเดียวกัน สร้างอยู่ริมน้ำ
พิพิธภัณฑ์มนุษยชาติวิทยา (Anthropology Museum)
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งแรกของไทย สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2504
ตั้งอยู่ด้านหลังศาลากลางจังหวัด หลังเก่า ชั้นล่างจัดแสดงความเป็นมาเกี่ยวกับโลก และอื่นๆเช่น การเกิดของ สัตว์ พืช เป็นต้น
เปิดให้เข้าชม : วันอังคาร-วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น.
(ปิดในวันอาทิตย์-วันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
พิพิธภัณฑ์และศูนย์ฝึกอบรมการแพทย์แผนไทย (Museum and the Thai Traditional Medical Training Centre)
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
สังกัดกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในกระทรวงสาธารณสุข ถนนติวานนท์ ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์เป็นอาคารทรงไทยแบบเครื่องก่อ 9 หลัง
ออกแบบโดยศาสตราจารย์ ดร.ภิญโญ สุวรรณคีรี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์
ภายในตัวอาคารทรงไทยจัดแบ่งเป็น 3 ชั้นคือ ชั้นใต้ดิน ชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สอง
ชั้นที่สองเป็นส่วนพิพิธภัณฑ์จัดแสดงนิทรรศการ
เกี่ยวกับความเป็นมาและวิวัฒนาการการแพทย์แผนไทย ปรัชญาการแพทย์พื้นบ้าน
จัดแสดงเครื่องยาไทยประเภทต่าง ๆ และยังแสดงให้เห็นการนำภูมิปัญญาไทยมาใช้ในชีวิตประจำวัน
ประกอบด้วยห้อง ต่างๆ 7 ห้อง
ห้องที่ 1 หอพระไภษัชคุรุไวทูรยประภา : แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าง ความเชื่อทางพุทธศาสนากับการแพทย์แผนไทยหรือที่เรียกว่า พุทธศาสน์การแพทย์
ห้องที่ 2 หอบรมครูการแพทย์แผนไทย : เพื่อแสดงให้เห็นถึงพิธีไหว้ครู ตามหลักความเชื่อของไทย
ห้องที่ 3 ห้องวิวัฒนาการการแพทย์แผนไทย : ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน แสดงวิวัฒนาการทางการแพทย์แผนไทยตั้งแต่ยุคก่อนสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลปัจจุบัน
ห้องที่ 4 ห้องภูมิปัญญาไทย : ด้านแพทย์พื้นบ้านทั้ง 4 ภาคของไทย
ห้องที่ 5 ห้องการนวดไทย : แสดงประวัติความเป็นมาของการนวด อุปกรณ์เครื่องมือการนวดต่างๆ
ห้องที่ 6 ห้องอาหารไทย : แสดงวัฒนธรรมการกินอยู่ตามฤดูกาลและตามธาตุของคนไทยทั้ง 4
ภาค ซึ่งเหมาะสมต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ประจำภาค และเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
ห้องที่ 7 ห้องยา : แสดงถึงหลัก 4 ประการในการปรุงยา เครื่องยา
และยาไทยสมุนไพรประเภทต่างๆ
จากตัวพิพิธภัณฑ์ ลงไปชั้นที่หนึ่งของอาคารพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วย ห้องอาหารเพื่อสุขภาพ ขายอาหารเพื่อสุขภาพ
และมีห้องจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ยาดม ยาทา ลูกอม สบู่ ยาสระผม
ในบริเวณเดียวกันจะเห็น ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพแพทย์แผนไทย ห้องตรวจรักษาด้วยการแพทย์แผนไทย
ห้องอบสมุนไพร ห้องนวด มีบริการนวดรักษาโดยสมัครเป็นสมาชิกก่อน
และเปิดบริการ 08.30-17.00 น. ทุกวัน นวดรักษา นวดสุขภาพ 200 บาท
นวดฝ่าเท้า 150 บาท ประคบสมุนไพร 150 บาท อบสมุนไพร 100 บาท
บ้านครูมนตรีตราโมท หรือ บ้านโสมส่องแสง (Montri Tramote’s house or Ban Som Song Saeng)
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
บ้านครูมนตรี ตั้งอยู่ที่ถนนติวานนท์ 3 ซอยพิชยนันท์ 2 ตำบลตลาดขวัญ อำเภอเมือง ครูมนตรี ตราโมท ดุริยางคศิลปินแห่งบ้านโสมส่องแสง คีตกวี 5
แผ่นดิน ผู้มีชีวิตอยู่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จนกระทั่งถึงรัชกาลที่ 9 ได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ
สาขาดุริยางคศิลป์ดนตรีไทยประจำปีพ.ศ. 2528
ได้รังสรรค์ผลงานประพันธ์ทำนองเพลงไทยไว้มากกว่า 200 เพลง รวมทั้งบทร้องอีกจำนวนมากเช่น เพลงโสมส่องแสง
และยังได้จัดสอนดนตรีไทยให้กับผู้สนใจทั่วไปทุกวันเสาร์-อาทิตย์
และในช่วงอาทิตย์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีจัดพิธีไหว้ ครูดนตรีไทย
เปิดให้เข้าชมฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย
พิพิธภัณฑ์วัดปรมัยยิกาวาส (Wat Poramaiyikawat Museum)
สถานที่ตั้ง : อำเภอปากเกร็ด
ตั้งอยู่ภายในวัดปรมัยยิกาวาส โดยมีอาคารสองชั้นซึ่งแต่เดิมเป็นกุฎิของอดีตเจ้าอาวาส
สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นอาคารจัดแสดง
ชั้นล่างหรือหอไทยนิทัศน์เครื่องปั้นดินเผาได้รับการสนับสนุนจาก สวทช.
จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผาเป็นหลัก
โดยได้จำลองเตาเผาและหุ่นจำลองของช่างทำเครื่องปั้นดินเผาไว้
มีมุมฉายวีดิทัศน์เรื่องราวต่างๆ อาทิ ขนมไทยที่มีชื่อเสียงของเกาะเกร็ด
พื้นที่ส่วนใหญ่ในอาคารจัดแสดงวิวัฒนาการของเครื่องปั้นดินเผาที่พบในประเทศไทย
และมีตัวอย่างของเครื่องปั้นดินเผาในภาคต่างๆ จัดแสดงด้วย
มุมหนึ่งจัดแสดงเครื่องใช้ไม้สอยในบ้านที่วางกองอยู่รวมกันอาทิ พัดลมเก่า
ตะเกียง หรือเครื่องใช้ไม้สอยในครัวเรือนจำพวกครก กระทะใบบัว กระต่ายขูดมะพร้าว เป็นต้น
ชั้นบน ประกอบไปด้วยสิ่งของหลากหลายประเภท ได้แก่
1. สิ่งของในพระเจ้าบรมมหัยยิกาเธอ กรมสมเด็จพระสุดารัตนราชประยูร
2. สิ่งของที่อดีตเจ้าอาวาสได้รับการถวายมาเนื่องในวาระสำคัญของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี
3. สิ่งของในวัฒนธรรมประเพณีมอญ หลายชิ้นสืบมาแต่ก่อนกรุงรัตนโกสินทร์
4. สิ่งของเบ็ดเตล็ด อาทิ พิมพ์ดีดสมัยเก่าที่ตรีตรา "กรมพัสดุ"
เปิดให้เข้าชม : วันจันทร์-วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 13.00-16.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น.
พิพิธภัณฑ์เขาสัตว์ (The Horn Museum)
สถานที่ตั้ง : อำเภอปากเกร็ด
พิพิธภัณฑ์เขาสัตว์ ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 27/8 หมู่ 6 ถนนประชาราษฏร์ ตำบลตลาดขวัญ
เป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนที่รวบรวมเขาสัตว์และวัตถุโบราณไว้จำนวนมาก ดำเนินงานโดยคุณประเสริฐ ศรียรรยงค์
ภายในจัดแสดงเขาสัตว์และวัตถุโบราณนับแสนชิ้นมีอายุตั้งแต่ 100 ปี ถึง 16 ล้านปี
โดยเฉพาะเขาสัตว์และส่วนหัวกระโหลกมีครบทุกชนิดทั้งสัตว์กินพืชและกินเนื้อ เน้นสัตว์ที่มีอยู่ในประเทศไทย
ชิ้นที่เด่นคือ งาช้างแมมมอธยาว 2 เมตร พบในภาคอีสาน เขาเนื้อสมันซึ่งเป็นสัตว์ที่สูญพันธ์ไปแล้ว
เขาวัวกูปรีและเขาสัตว์อื่น ๆ ทุกชนิดที่มีในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมทั้งยังมีวัตถุโบราณของไทยมากกว่า 30,000 ชิ้น
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมวันเสาร์-อาทิตย์ 09.00-16.00 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : 0 2562 2681, 0 2968 5956
ศูนย์วัฒนธรรมพื้นบ้านชาวมอญ (Kwan Aman)
สถานที่ตั้ง : อำเภอปากเกร็ด
ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ศูนย์วัฒนธรรมเครื่องปั้นดินเผาชาวมอญที่มีชื่อเสียงมาก
มีการเก็บรวมรวมโบราณวัตถุของชาวมอญเครื่องปั้นดินเผาภาชนะของที่ใช้ในชีวิตประจำวันเช่น
กระถาง โอ่งน้ำ ครก แหล่งใหญ่และเก่าแก่ของจังหวัดนนทบุรี
มีการสาธิตการแกะสลักลายเครื่องปั้นดินเผาอีกด้วยและเปิดโอากาสให้นักท่องเที่ยวได้ใช้ฝีมือของตัวเองในการปั้นดินเผา
เปิดให้ชม: ทุกวันตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น.
ตลาดน้ำวัดแสงสิริธรรม (Wat Saeng Siritham Floating Market)
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
ตั้งอยู่ที่ถนนรัตนาธิเบศน์-ตลาดท่าอิฐโครงการส่งเสริมให้ผู้ผลิตสินค้ารอบบริเวณวัดและเกาะเกร็ดได้มีโอกาสนำสินค้ามาแสดง
และจำหน่าย นอกจากนี้ ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยวอีกด้วย
เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดราชการ ระหว่างเวลา 06.00-17.00 น.
สถานที่ตั้ง : อำเภอปากเกร็ด
เป็นเกาะขนาดใหญ่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นชุมชนที่เจริญมาตั้งแต่ปลายสมัยอยุธยา
วัดต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นบนเกาะเป็นโบราณสถานที่สวยงาม สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลายทั้งสิ้น มีฐานะเป็น
ตำบลแบ่งเขตการปกครองเป็นหมู่บ้านรวมทั้งสิ้น 7 หมู่บ้านเกาะเกร็ดเกิดขึ้นจากการขุดคลอง
ลัดลำน้ำเจ้าพระยาตรงส่วนที่เป็นแหลมยื่นไปตามความโค้งของแม่น้ำเจ้าพระยา
ในปี พ.ศ. 2265 เรียกคลองนี้ว่า "คลองลัดเกร็ดน้อย"
ต่อมากระแสดน้ำได้เปลี่ยนทิศทาง ทำให้คลองขยายกว้างขึ้นเพราะถูกความแรงของกระแสน้ำเซาะตลิ่งพัก
จึงกลายเป็นแม่น้ำและเกาะเกร็ดมีสภาพเป็นเกาะดังเช่นปัจจุบัน
โรงแรมใกล้ เกาะเกร็ด
ตลาดต้นไม้ (Plant Market)
สถานที่ตั้ง : อำเภอบางใหญ่
จังหวัดนนทบุรีเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและส่งออกดอกไม้และผลไม้รายใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศ
ที่นี่ท่านสามารถเลือกซื้อพรรณไม้นานชนิด ทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ ดอกทิวลิป รวมทั้งอุปกรณ์ตกแต่งสวน
โดยคิดราคาแบบราคาส่ง
การเดินทาง : ใช้เส้นทาง ตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ผ่านอำเภอบางกรวย อำเภอบางใหญ่
คลองขนมหวาน (The Dessert or CanalKhlong khanom wan)
สถานที่ตั้ง : อำเภอบางบัวทอง
รอบเกาะเกร็ด มีชาวบ้านที่อาศัยอยู่สองฝั่งคลองทำขนมหวาน จำพวก ทองหยิบ ทองหยอด ขายส่ง
พร้อมทั้งมีการสาธิตให้นักท่องเที่ยวได้ชม และซื้อกลับไปเป็นของฝาก
เดิมชาวบ้านปลูกบ้านเรือนอยู่ตามริมคลองบางบัวทอง ประกอบอาชีพทำนา
และตามคันนาจะปลูกต้นตาลเป็นจำนวนมาก จากการที่มีต้นตาลมากนั่นเองทำให้ราษฎรเกิดการเรียนรู้ในการนำจาวตาลมาเชื่อม
เพื่อใช้เป็นของหวานในงานต่างๆ ตั้งแต่ร้อยกว่าปี ต่อมาได้พัฒนาการทำขนมไทยประเภทต่างๆ เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน ฯลฯ
ฝีมือการทำขนมไทยในคลองบางบัวทองเป็นที่เลื่องลือจนเป็นตลาดค้าส่งทั้งในจังหวัดนนทบุรี
และจังหวัดใกล้เคียง ที่คลองขนมหวานมีสาธิตให้นักท่องเที่ยวได้ชม พร้อมซื้อกลับเป็นของฝาก
สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ (Sri Nakarins Park)
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
เป็นสวนสาธารณะมีเนื้อที่ประมาณ 102 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณหนองปรือ ตำบลบ้านใหม่
จากสี่แยกสวนสมเด็จฯ มาประมาณ 1 กิโลเมตร
อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก (Kanchanaphisek Park)
สถานที่ตั้ง : อำเภอเมือง
จุดเด่น คือ วิมานสราญนวมินทร์ เป็นพลับพลาโถงเครื่องยอดแหลมตั้งอยู่กลางสระน้ำ
ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคาลดชั้นยอดแหลมทรงมณฑป
ประดับฉัตรสามชั้นสัญลักษณ์แสดงเครื่องยศของประเภทอาคารชั้นสูง
มีเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ กรมธนารักษ์เป็นผู้จัดสร้างขึ้นด้วยงบประมาณ 900 ล้านบาท
มูลนิธิสงเคราะห์สัตว์พิการ (The Lame animals Aid Foundation)
สถานที่ตั้ง : อำเภอปากเกร็ด
ในความอุปถัมภ์ของหลวงตามหาบัว ตั้งอยู่เลขที่ 15/1 หมู่ 1 ซอยพระมหาการุณย์
ถนนติวานนท์ ตำบลบ้านใหม่ ปัจจุบันมีสุนัขอยู่ในความดูแล 800 ตัว
ตัวอักษร